ส่องลุคสุดปังจากรันเวย์ Fashion Week Spring and Summer 2023
จบไปแล้วกับ Fashion Week ประจำฤดูกาล Spring/Summer 2023 ที่จัดไล่เรียงกันตาม 4 เมืองแฟชั่นระดับโลก
ตั้งแต่ New York , London , Milan และปิดท้ายที่ Paris ซึ่งโชว์ของแต่ละสถานที่ มีจุดเด่นอะไรให้ได้ร้องว้าว! กันบ้าง วันนี้บุนกะเราขอรวบรวมมาให้ชมกันแล้วค่ะ
เปิดฤดูกาล Spring/Summer 2023 กันที่แรก ณ New York Fashion Week 2023 ที่ห่างหายไปกับการจัดแสดงโชว์ไปหลายปี เนื่องด้วยสถานการณ์ Covid – 19 ที่ผ่านมา การกลับมาจัดแสดงโชว์ในครั้งนี้ บอกได้เลยว่าแค่ที่แรกก็สร้างความตื่นตา ตื่นใจให้กับเหล่าแฟชั่นนิสต้าต้องตาโตกันแล้ว ซึ่งแบรนด์ที่เราจะขอยกมาให้ชมกันนั้น เรียกได้ว่ามีจุดเด่นที่น่าจับมองกันมากๆ
Peter Do : ชื่อแบรนด์นี้อาจจะยังไม่เป็นที่คุ้นหูคนไทยเท่าไหร่ แต่จุดเด่นของโชว์ที่ทำให้ทุกคนตั้งตารอชมนั้นมาจากการได้ นักร้องหนุ่ม JENO จากวง NCT มาร่วมเดินแบบเปิดโชว์ให้ นอกจากนั้นเสื้อผ้าที่สวมใส่ในโชว์ก็มีการนำเสนอการฉีกกรอบทางเรื่องเพศของแฟชั่น มีส่วนผสมของความแมสคิวลีน และความเฟมินีนเข้าไป ร่วมถึงรองเท้าที่นายแบบ นางแบบทุกคนสวมใส่ในโชว์ ก็จะเป็นบู๊ตที่เสริม แพลตฟอร์มส้นสูง นอกจากนี้เมคอัพที่มาแรงในโชว์นี้คือการทาคิ้วกลิตเตอร์ให้นายแบบ นางแบบ ไม่ว่าจะเป็นสีเงิน หรือสีต่างๆ ก็เพิ่มความสนุกให้โชว์มากขึ้น
Coach : รูปแบบโชว์คราวนี้เนรมิตรันเวย์เป็นท่าเรือในเมืองนิวยอร์ค ภายใต้คอนเซปต์ที่นำเสนอมุมมองต่อความหรูหราในวงการแฟชั่น การผสมผสานความป๊อปเข้ากับวัฒนธรรมดั้งเดิม เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับงานแฟชั่น ซึ่งในครั้งนี้ได้มีการใช้ไอเท็มที่หลากหลายผิวสัมผัส เช่น เสื้อผ้าและแจ็คเก็ตที่ทำมาจากหนังของลูกฟุตบอล สเวตเตอร์สไตล์ไฮสคูล และยังคอมพลีทแต่ละลุคด้วยกระเป๋ารุ่น Tabby ทรง Messenger ที่มาในรูปแบบเจลลี่
Tory Burch : จัดโชว์ในช่วงอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ท่าเรือบนแม่น้ำฮัดสัน ตัดกับการตกแต่งด้วยดาวประดับห้อยลงมาจากเพดาน โดยในครั้งนี้นำเสื้อผ้าสไตล์ยุค 90s มาตีความให้ทันสมัยและดูชิคมากขึ้น ทั้งการใช้ผ้านิตน้ำหนักเบา กางเกงครอปทรงสปอร์ต เสื้อเกาะอกเน้นโชว์ช่วงเอว หรือการใช้ผ้ารัดรอบตัวทับกระโปรงคลุมเข่า ในโชว์มีทั้งชุดทูนิกรัดรูป เสื้อเบลเซอร์ไหมพรม เสื้อโค๊ตไหล่ตั้งสีทอง ให้สัมผัสความมินิมัลที่น่าจับตามอง
ข้ามฝั่งมายังประเทศอังกฤษที่มีแบรนด์ชื่อดังมากมายรวมตัวอยู่ ณ ที่นี้ แต่เนื่องจากเหตุการณ์สวรรคตขององค์พระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ทำให้มีหลายๆแบรนด์ประกาศเลื่อนโชว์ออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพื่อเป็นการแสดงความไว้อาลัยต่อพระราชพิธี แต่ถึงอย่างนั้นก็มีดีไซเนอร์หน้าใหม่ในวงการไม่น้อยที่ใช้โอกาสนี้ในการแสดงโชว์ ร่วมกับการถวายความอาลัยแด่พระองค์ในโชว์ของตัวเอง จะมีแบรนด์ไหนน่าจับตามองบ้างนั้น มาดูกันได้เลยค่ะ
Harris Reed : ดีไซน์เนอร์เชื้อสายอังกฤษ – อเมริกัน ได้นำเสนอผลงานโชว์ของเขาผ่านนางแบบ และเสื้อผ้าสไตล์โอต์กูตูร์ที่เน้นความยิ่งใหญ่ อลังการ ผสมผสานกระโปรงที่ผายก้นในช่วงยุควิคตอเรีย กับความเฟื่องฟูของคลับแดร็กในนิวยอร์ก มีการเลือกใช้รูปทรงกลมเข้ามาทำให้การออกแบบดูยิ่งใหญ่ และการใช้โทนสีเมทัลลิค ฟ้าเทอร์ควอยซ์ และชมพูบานเย็น ทำให้เสื้อผ้าของเขาดูน่ามอง
Richard Quinn : ดีไซน์เนอร์ผู้รับรางวัล Queen Elizabeth II Award for British Design จากสมาคมแฟชั่นอังกฤษ ในช่วงแรกของโชว์ถูกจัดแสดงด้วยเสื้อผ้าโทนสีดำเพื่อแสดงความไว้อาลัย ไม่ว่าจะเป็นผ้าคลุมหน้าสีดำ คอร์เซตจากยุควิคตอเรียน ก่อนจะเข้าสู่เสื้อผ้าประจำฤดูกาลที่เน้นไปที่งานพิมพ์ลายดอกไม้ การปักตกแต่งด้วยขนนก ปิดท้ายโชว์ด้วยเดรส,ลูกไม้สีขาวตกแต่งด้วยช่อดอกไม้ คล้ายหีบพระบรมศพ
Alexander McQueen : คอนเซปต์ในปีนี้คือ ดวงตา ที่เป็นสิ่งที่เชื่อมมนุษย์กับสิ่งต่างๆ และเป็นสิ่งที่ใช้สะท้อนอารมณ์ และตัวตนผ่านออกมา ในโชว์นี้เราจึงได้เห็นการพิมพ์ภาพดวงตาหลายสีลงบนเสื้อผ้า ซึ่งเน้นไปที่การตัดเย็บ การจัดเดรปปิ้ง และรูปทรงของเสื้อผ้า ผสมเข้ากับงานศิลปะของ Hieronymus Bosch ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ สื่อถึงความงามและความดำมืดในจิตใจในเวลาเดียวกัน
อีกหนึ่งศูนย์กลางแฟชั่นระดับโลกจะเป็นที่ไหนไม่ได้เลย นอกจาก มิลาน ประเทศอิตาลี ซึ่งนอกจากจะรวบรวมสารพัดแบรนด์ชื่อดังมาไว้ที่นี่แล้ว ปีนี้ยังพิเศษที่เหล่าคนดังฝั่งเอเชียร่วมตบเท้า เข้านั่งประจำฟร้อนท์โรว์เพื่อเข้าชมโชว์กันอย่างคับคั่ง โดยเราจะขอยก 3 แบรนด์ดังมาให้ทุกคนได้ติดตามกัน
Fendi : ได้นักแสดงสาวชาวเกาหลีอย่าง คิม ดา มี มาร่วมชมโชว์ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์ โดยโชว์ในปีนี้เน้นไปที่การออกแบบแนวโมเดิร์น การใช้โทนสีสดใสอย่าง ชมพู เขียว หรือฟ้า บนวัสดุที่หลากหลาย เน้นการตัดเย็บที่สุดเนี๊ยบ บนรูปทรงที่เรียบง่าย โชว์สรีระของนางแบบด้วยเทคนิค Cut out และความอสมมาตรของรูปทรงของชุด
Onitsuka Tiger : ได้เชิญนักแสดงสาวสวยอย่างใบเฟิร์น พิมพ์ชนก และนักร้องชาวเกาหลีอย่าง ยูคยอม Got7 มาร่วมชมโชว์ ที่ปีนี้เน้นความมินิมัลสไตล์ญี่ปุ่นเข้ามาผสมผสานกับสไตล์สปอร์ตแวร์ รูปทรงของชุดมีความพลิ้วไหวแต่ดูกระฉับกระเฉง มีการสอดแทรกสไตล์ญี่ปุ่นเข้าไปในงานออกแบบ ทั้งเชือกดึงยาว กระโปรงจับพลีทที่ดูคล้ายกางเกงฮากามะของญี่ปุ่น หรือการใช้รูปทรงแขนเสื้อแบบกิโมโนที่ยาวและกว้างนำมาใช้ โดยโทนสีปีนี้ยังคงเน้นไปที่สีดำและสีขาวเป็นหลัก แต่มีการสอดแทรกสีเขียวจากใบชิโซะเข้ามาในโชว์ด้วย
Gucci : นอกจากจะได้นักแสดงสาวอย่าง ใหม่ ดาวิกา และ IU (ไอ ยู) ไปร่วมดูโชว์แล้ว ยังสร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยการใช้นางแบบนายแบบที่เป็นคู่แฝดถึง 68 คู่มาร่วมเดินแฟชั่นโชว์ โดยต้องการสื่อสารว่าถึงแม้รูปลักษณ์ภายนอกจะเหมือนกัน แต่ทุกคนล้วนแตกต่างกัน โดยชุดที่สวมใส่จะเป็นงานตัดเย็บสุดเนี๊ยบที่แทรกลูกเล่นต่างๆเข้าไป ทั้งกระโปรงผ้าเมทัลลิคที่ตกแต่งด้วยชิ้นระบาย การจับเดรป และการหยิบเอากลิ่นอายของเสื้อผ้ายุค 80S เข้ามาผสมผสานในโชว์
เยือนถิ่นสุดท้ายอย่างนครปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่ขอบอกเลยว่าที่นี่ก็ไม่น้อยหน้าฝั่งมิลานเลยแม้แต่น้อย แต่ละโชว์เชิญแขกคนสำคัญที่หน้าจับตามองมาร่วมกันอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นสาวๆ วง Blackpink ที่งานนี้กระจายตัวไปตามแบรนด์ต่างๆ ที่แต่ละคนเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้อยู่ หนุ่ม วี จากวง BTS หนุ่มปาร์คโบกอม หรือแม้แต่ฝั่งไทยที่สาวแฟชั่นไอคอนนิกอย่าง ณิชา หรือ ตัวแสบสุดจี๊ดอย่าง มิลลิ ดนุภา ก็ได้รับเชิญไปร่วมชมโชว์เช่นกัน จะมีแบรนด์ไหนน่าจับตามองบางนั้น บุนกะยกตัวอย่างมาให้แล้ว
Chanel : แขกคนสำคัญของโชว์นี้จะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจาก ยัยเกี๊ยว Jennie Blackpink แบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนสำคัญ ซึ่งโชว์ในครั้งนี้แบรนด์ได้นำเสนอกลิ่นอายความเป็น Gabrielle Chanel ผสมเข้ากับสไต์ของ Karl Lagerfeld เราจะยังคงได้เห็นผ้าทวิตอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ การปักขนนก การประดับเลื่อม การใช้ตัวอักษร C ไขว้ แน่นอนว่าจะต้องมาในโทนเรียบหรู เน้นสีขาว ดำ เป็นหลัก
Louis Vuitton : เปิดโชว์ด้วยนางแบบสาวชาวเกาหลีที่ถูกจับตามอง หลังจากแสดงเรื่อง Squid Game อย่าง ชองโฮยอน ซึ่งธีมของโชว์ในปีนี้คือทุกอย่างใหญ่อลังการ ไม่ว่าจะเป็นรันเวย์ขนาดใหญ่ หรือแม้กระทั่งดีเทลต่างๆบนเสื้อผ้าก็มาในเวอร์ชั่นโอเวอร์ไซส์ ทั้ง วิป กระดุม เข็มขัด นอกจากนี้สไตล์ของเสื้อผ้าคราวนี้ยังผสมผสานระหว่างความแตกต่างของลวดลาย Texture ของวัสดุชนิดต่างๆ เข้าไว้ตัวกันอย่างลงตัว
Balenciaga : จะไม่พูดถึงแบรนด์นี้คงเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเล่นใหญ่จัดเต็มตั้งแต่การเนรมิตรันเวย์มาเป็นทะเลโคลน ที่นางแบบนายแบบแต่ละคนจะต้องเดินย่ำไปตลอดระยะทางยาวของรันเวย์ และได้แรปเปอร์สายแฟชั่นที่ตอนนี้ออกจะชื่อฉาวไปสักหน่อย อย่าง Kanye West มาเดินเปิดโชว์ ซึ่งบอกได้เลยว่าโชว์ในปีนี้มีไอเทมเด็ดๆที่หลายคนเอามาพูดถึงตลอดแม้จะจบโชว์ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าหนังที่เย็บต่อกับถุงมือเป็นชิ้นเดียว กระเป๋าคลัตช์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากซองขนมเลย์ หรือชุดเดรสตกแต่งพู่ ผ้าอัดพลีท เสื้อคอร์เซตของนายแบบ หรือชุดปิดโชว์อย่างเดรสหนังที่ได้แรงบันดาลใจจากกระเป๋าหนังรุ่นสุดนิยมของแบรนด์
Coperni : แบรนด์นี้อาจจะไม่คุ้นหูคนไทยมาก่อน แต่เป็นที่ฮือฮามากในปีนี้ เมื่อนางแบบสุดสวยอย่าง Bella Hadid ปรากฎตัวมาในลักษณะกึ่งเปลือยบนรันเวย์ ยืนให้มาเนล ตอร์เรสผู้ก่อตั้ง Fabrican ใช้ เทคโนโลยี Spray-on Fabric คือการฉีดเนื้อเยื่อของเหลวบนวัตถุที่ต้องการและเมื่อมันแห้งก็จะกลายเป็นเสื้อผ้าที่สามารถสวมใส่ได้ไปรอบๆตัวเธอ จนกลายเป็นชุดเดรสรัดรูปสีขาว ที่นางแบบสาวสวมใส่ได้ตลอดทั้งงาน โดยที่มีความคงทนมีเพียงเส้นใยบางๆที่อาจหลุดลุ่ยระหว่างงานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็นับว่าเป็นโมเมนต์ที่ทุกคนตื่นตะลึงที่สุดในโชว์ปีนี้เลย